logo
logo_mobile

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับ ลูกค้า


        บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด เรียกว่า “บริษัท” ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญในความเป็นส่วนตัว (Privacy Right) ที่ต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บริษัทเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของลูกค้ารวมถึงบุคคลธรรมดาที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อไปนี้เรียกว่า “ลูกค้า” ) และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายว่าด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับ ลูกค้าฉบับนี้ (ต่อไปนี้เรียกว่า “นโยบายความเป็นส่วนตัว”) เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมตลอดถึง การลบและทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด


        คณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัตินโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าฉบับนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. ประกาศนี้เรียกว่า “นโยบายความเป็นส่วนตัว สำหรับ ลูกค้า”

2. ประกาศฉบับนี้ให้มีผลบังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป

3. ให้ยกเลิก

        ประกาศ บค. ที่ 007/03/2562 เรื่อง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562

4. คำนิยาม

         “ลูกค้า” หมายความว่า ผู้ขอทำธุรกรรม ผู้เช่ารถยนต์ ผู้ซื้อรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ ผู้ขอสินเชื่อ ผู้รับประโยชน์ ผู้ชำระเงินตามสัญญา ผู้เข้าร่วมแคมเปญหรือกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท ผู้ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ และ/หรือผู้ใช้บริการต่าง ๆ ของบริษัทผ่านสื่อออนไลน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แล้วแต่กรณี รวมถึงผู้มีอำนาจดำเนินการแทนลูกค้าตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี เช่น ผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ ผู้อนุบาลของผู้ไร้ความสามารถ ผู้พิทักษ์ของผู้เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น

         “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data)” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ” หมายความว่า บริษัท ตัวแทน นายหน้า คู่ค้า หน่วยงานที่ทำธุรกรรมกับบริษัท แล้วแต่กรณี

         “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ลูกค้า บุคคลธรรมดาที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไว้

         “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         “กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต

        ทั้งนี้ ให้คำนิยามข้างต้นเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

5. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

        5.1 หน้าที่ตามกฎหมาย (Legal Obligation)

        เพื่อให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเท่าที่จำเป็นให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดที่ใช้อำนาจตามกฎหมายเพื่อให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการนั้น ทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต

        ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือเข้าทำสัญญากับลูกค้า บริษัทอาจจะไม่ส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการให้แก่ลูกค้า หรือ ไม่สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการให้แก่ลูกค้าต่อไป หากบริษัทไม่สามารถเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเมื่อมีการร้องขอ

        เพื่อให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็น เช่น

        5.1.1 การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้า การประเมินความเสี่ยง การจัดระดับความเสี่ยงและการรายงานธุรกรรมไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

        5.1.2 การตรวจสอบและรายงานรายชื่อบุคคลล้มละลายและ/หรือรายชื่อบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ รายชื่อลูกค้าตามคำสั่งขอเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระ หน่วยงานกำกับ ตำรวจ อัยการ ศาล เป็นต้น

        5.1.3 การตรวจสอบและรายงานผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้กับกรมสรรพากร เป็นต้น

        5.2 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

        เพื่อให้บริษัทปฏิบัติตามสัญญาซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนเข้าทำสัญญา บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเท่าที่จำเป็นเพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญา เช่น

        5.2.1 ประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์การเงินและ/หรือบริการต่าง ๆ รวมถึงกระบวนการเสนอขาย การจัดทำและส่งเอกสารประกอบการเสนอขาย ใบคำขอทำธุรกรรม และเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องสำหรับการขอทำธุรกรรมให้บริษัทพิจารณาไม่ว่าอยู่ในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ (ฐานความยินยอมกรณีที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี))

        5.2.2 ให้บริการ อำนวยความสะดวกและประสานงานระหว่างบริษัทและลูกค้า

        5.2.3 เก็บรวบรวมและตรวจสอบใบคำขอทำธุรกรรมและเอกสารประกอบการขอทำธุรกรรม การพิจารณารับทำธุรกรรม และการต่ออายุสัญญา รวมถึงคำขอปรับปรุง แก้ไข ยกเลิกสัญญา

        5.2.4 ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี) ของลูกค้าที่บริษัทเคยได้รับหรือจะได้รับจากการเปิดเผยของลูกค้า หรือโดยแหล่งข้อมูลอื่น ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ประกอบการพิจารณาทำสัญญา การต่ออายุสัญญา กู้เงินเพิ่มเติมในวงเงินสินเชื่อเดิม หรือปรับปรุง แก้ไข ยกเลิก ปิดสัญญา สำหรับใบคำขอทำธุรกรรมที่มีในปัจจุบันและอนาคตและไม่ว่าบริษัทจะพิจารณาอนุมัติการทำธุรกรรม การต่ออายุสัญญา กู้เงินเพิ่มเติมในวงเงินสินเชื่อเดิม หรือปรับปรุง แก้ไข ยกเลิกสัญญา หรือไม่ก็ตาม (ฐานความยินยอมกรณีที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี))

        5.2.5 การออกเอกสารสัญญา เอกสารแสดงการรับเงินและข้อความแจ้งสถานะต่าง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการส่งข้อมูลข่าวสาร การให้บริการ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลและใช้สิทธิตามสัญญา

        5.2.6 เพื่อบริหารจัดการภาระหนี้สินที่บริษัทมีต่อลูกค้าหรือลูกค้ามีต่อบริษัท และเก็บรวบรวม ประมวลผลและเรียกชดใช้ในจำนวนภาระหนี้ใด ๆ ที่ลูกค้ามีต่อบริษัทจากลูกค้าหรือบุคคลใด ๆ ที่ได้ให้เป็นหลักประกันหรือตามข้อตกลงสำหรับความรับผิดของลูกค้ารวมถึงการติดตามทวงถามหนี้

        5.2.7 ดำเนินการเกี่ยวกับขั้นตอนการรับชำระหนี้ ค่าเช่า ค่างวด ค่าปรับ หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดตามใบแจ้งหนี้ที่บริษัท และ/หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทที่ออกให้กับลูกค้า

        5.2.8 เพื่อให้สถาบันผู้ออกบัตรเครดิต สถาบันผู้ออกบัตรเดบิต สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการรับชำระเงิน เก็บและประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตุประสงค์รับชำระหนี้ หรือค่าบริการต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องชำระให้แก่บริษัท

        5.2.9 การให้บริการเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์ การจัดรถทดแทน ซื้อขายรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า การให้สินเชื่อหรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท

        5.2.10 เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับสิทธิเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนใด ๆ จากลูกค้าหรือต่อลูกค้า หรืออื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าในส่วนของผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการใด ๆ ที่บริษัทจัดให้กับลูกค้า รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพื่อการพิจารณาคำโต้แย้ง วิเคราะห์ สอบสวน ประเมิน ประมวลผล ปกป้อง ตอบกลับ ข้อกำหนด เจรจา แก้ไข ยุติปัญหาหรือข้อตกลงในข้อเรียกร้อง หรือข้อร้องเรียนนั้น

        5.2.11 เพื่อใช้ในการติดต่อ การแจ้ง การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่อันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ

        5.3 ประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest)

        เพื่อประโยชน์ในการระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยยึดหลักประโยชน์สำคัญต่อชีวิต เพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเท่าที่จำเป็นให้กับสถานพยาบาลทั้งในและนอกราชอาณาจักรเมื่อมีการร้องขอเพื่อใช้ประกอบการรักษาพยาบาล เป็นต้น

        5.4 ประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate Interest)

        เพื่อจำเป็นต่อการดำเนินการเพื่อประโยชน์โดยชอบธรรมของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ เมื่อบริษัทพิจารณาประโยชน์ สิทธิและเสรีภาพของลูกค้าแล้ว บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ดังนี้

        5.4.1 เพื่อการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าโดยพนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน นายหน้าของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ซึ่งบริษัทพิจารณาแล้วว่าเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้า

        5.4.2 เพื่อใช้ในการประเมินและการบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร การวางแผนและปฏิบัติตามนโยบายและ/หรือแนวทางปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกันเพื่อการดังกล่าว

        5.4.3 เพื่อสืบสวน สอบสวนหรือป้องกันการกระทำที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง อาชญากรรม และการกระทำผิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำจริงหรือการกระทำที่สงสัยว่าเป็นการกระทำผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการติดต่อสื่อสารกับบริษัทต่าง ๆ ในทางธุรกิจ ตลอดจนเพื่อการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

        5.4.4 เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทนของลูกค้านิติบุคคล

        5.4.5 เพื่อการติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือการออกบูธ รวมถึงการบันทึกเสียงผ่านศูนย์ดูแลลูกค้า (Call Center) การบันทึกภาพ CCTV และการแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร

        5.4.6 เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนด นโยบาย ระเบียบ คำสั่ง ข้อพึงปฏิบัติ (Code of practice) หรือแนวทางปฏิบัติของบริษัทที่มีผลผูกพันกับบริษัท บริษัทโฮลดิ้งส์ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือบริษัทในเครือ หรือบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท หรือภายใต้การควบคุมร่วมกับบริษัท บริษัทคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งแต่ไม่จำกัดถึงการเปิดเผยต่อหน่วยงานด้านกฎหมาย หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานภาษี หน่วยงาน บังคับใช้กฎหมาย หรือหน่วยงานและองค์กรที่กำกับดูแลบริษัท เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น

        5.4.7 เพื่อบริหารจัดการงานภายในของบริษัท เช่น การจัดทำรายงานข้อมูล การจัดทำบัญชี การบริหารจัดการข้อร้องเรียน การตรวจสอบทั้งภายในและ/หรือผู้ตรวจสอบภายนอก การปรับโครงสร้างองค์กรและการทำธุรกรรมของบริษัท

        5.4.8 การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการทำวิจัยตลาด วิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และการทำวิจัยสถิติ การรายงานหรือการประเมินผลทางการเงินที่จัดทำโดยบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัทหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท

        5.5 ความยินยอม (Consent)

        บริษัทจะขอความยินยอมจากลูกค้า (Consent) เฉพาะกรณีที่บริษัทไม่มีฐานกฎหมายอื่นใดให้บริษัทสามารถดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่กิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) โดยบริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบอย่างชัดแจ้งว่าบริษัทต้องการข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างและนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด เพื่อให้ลูกค้ายืนยันการตัดสินใจในการให้ความยินยอมแก่บริษัท โดยบริษัทอาจขอความยินยอมจากลูกค้าในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

        5.5.1 เพื่อการวิเคราะห์ พัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการด้านอื่น ๆ รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มการใช้งานด้านบริการของบริษัท การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกิจกรรมส่งเสริมการขาย

        5.5.2 เพื่อทำการวิจัยทางการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ทำวิจัยเชิงสถิติ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ (Feedback) การตอบรับที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัทหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อการพัฒนา สร้าง หรือดำเนินการภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ ๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการด้านต่าง ๆ ระบบสารสนเทศ ระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการในมาตรฐานที่สูงขึ้น หรือเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ลูกค้า

        5.5.3เพื่อส่งข้อมูล ข่าวสารทางการตลาด (Marketing Information) และแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านต่าง ๆ ของบริษัท หรือข้อเสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมการขาย (Promotion Offers) สิทธิพิเศษต่าง ๆ (Privilege) ตามที่กล่าวต่อไปในหัวข้อ “การตลาดและสิทธิพิเศษ (Marketing and Privilege)” รวมถึงการส่งข่าวสารอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเงื่อนไขและนโยบายของบริษัท เป็นต้น

        5.5.4 นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านต่าง ๆ หรือข้อเสนอให้กับลูกค้า

        5.5.5 โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำแคมเปญทางการตลาดรวมถึงการจัดการด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งมีลูกค้าเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือปรากฏเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์

        5.5.6 บริหารความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า เช่น การเข้าร่วมกิจกรรม การสัมมนา เป็นต้น

        5.5.7 การตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าเมื่อลูกค้าทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าการสื่อสารทั้งหมดของบริษัทกับลูกค้ามีความปลอดภัย

        5.5.8 บริษัทอาจประมวลผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์การใช้งานดังกล่าวข้างต้นของลูกค้า เพื่อการประเมิน หรือปรับปรุง พัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ให้ตอบสนองอย่างเหมาะสมตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น การจัดโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์ บริการด้านต่าง ๆ เป็นต้น

        5.5.9 การบริหารจัดการงานภายในของบริษัท การจัดทำรายงานข้อมูล การบริหารจัดการข้อร้องเรียน หรือการร้องเรียนค่าสินไหมทดแทน หรือร้องเรียนด้านอื่น ๆ ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

        อนึ่ง ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนไร้ความสามารถ บริษัทจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์

6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด

        6.1ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี) บริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้เท่านั้น

        6.2นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ บริษัทจะขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่

        6.2.1 เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด

        6.2.2 เป็นไปเพื่อประโยชน์ของลูกค้าและการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

        6.2.3เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพหรือความปลอดภัยของลูกค้า

        6.2.4 เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

        6.2.5 เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ

        6.3บริษัทมีความจำเป็นในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี) ของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามสัญญา และสัญญาหรือข้อตกลงอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดังกล่าว แต่ทั้งนี้ บริษัทจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่อาจเป็นผลร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึกเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่เท่าเทียมแก่บุคคลใด เว้นแต่

        6.3.1 ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากลูกค้า

        6.3.2 เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด

        6.3.3 เป็นไปเพื่อประโยชน์ของลูกค้า และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

        6.3.4 เป็นไปเพื่อประโยชน์เกี่ยวกับชีวิต สุขภาพ หรือความปลอดภัยของลูกค้า

        6.3.5 เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

        6.3.6 เพื่อประโยชน์ในการศึกษา วิจัย หรือการจัดทำสถิติ

        6.3.7 เป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

        6.4บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ได้รับจากแหล่งอื่นเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และอาจขอความยินยอมของลูกค้า (กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม) ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ข้างต้น และเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการดำเนินงานของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น

7. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าประเภทใดบ้าง

        ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่สามารถระบุตัวตนได้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และไม่ว่าจากข้อมูลส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว หรือโดยรวมกับข้อมูลที่ระบุตัวตนอื่นที่บริษัทได้รับจากลูกค้าหรือบริษัทมีอยู่แล้ว หรือบริษัทสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตามที่กฎหมายอนุญาต ยกเว้น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การให้บริการ และ/หรือประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าสนใจ หรือบริษัทเป็นผู้จัดหาให้กับลูกค้าตามความเหมาะสมและคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า

        บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

        7.1 รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล เพศ อายุ อาชีพ ตำแหน่งงาน ตำแหน่ง ประเภทธุรกิจ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด สถานภาพทางการสมรส ทะเบียนสมรส จำนวนสมาชิกในครอบครัวและบุตร ข้อมูลบนบัตรที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น เลขประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง รายละเอียดใบอนุญาตขับขี่) ทะเบียนบ้าน ลายมือชื่อ เสียง บันทึกเสียง รูป ภาพ รูปถ่าย บันทึกวิดีโอ คลิปวิดีโอ ประวัติทางการศึกษา สถานที่ทำงาน ข้อมูลการตรวจสอบตัวตน ( KYC/e-KYC) ข้อมูลการตรวจสอบตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ข้อมูลการตรวจสอบบุคคลล้มละลาย ระดับรายได้และรายได้/เงินเดือน/โบนัส น้ำหนักและส่วนสูง บันทึกโทรทัศน์วงจรปิด รายละเอียดป้ายทะเบียนยานพาหนะ รูปใบอนุญาตขับขี่ รายละเอียดยานพาหนะ (เช่น เลขป้ายทะเบียนยานพาหนะ) ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า หรือผู้รับผลประโยชน์ บุคคลภายนอก นิติกรรมสัญญา และนิติกรรมสัญญาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

        7.2 รายละเอียดในการติดต่อ เช่น ที่อยู่ที่บ้าน ที่อยู่ที่ทำงาน ที่อยู่ปัจจุบัน รายละเอียดในการจัดส่ง รายละเอียดในการเรียกเก็บเงิน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน อีเมล อีเมลที่ทำงาน ชื่อบัญชีไลน์ บัญชีเฟซบุ๊ก บัญชีกูเกิล บัญชีทวิตเตอร์ และบัญชีอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเว็บไซต์เครือข่ายสังคม

        7.3 รายละเอียดทางบัญชี เช่น หมายเลขบัตรเครดิต/เดบิต ข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิต หมายเลขบัญชีธนาคาร รายละเอียดการชำระเงิน และสำเนาบัญชีธนาคาร/สมุดบัญชีธนาคาร

        7.4 รายละเอียดธุรกรรม เช่น รายละเอียดตามที่ปรากฏในคำขอเช่ารถยนต์ คำขอซื้อรถยนต์ที่ครบสัญญาเช่า คำขอสินเชื่อ หรือ สัญญาต่าง ๆ ที่บริษัทเป็นคู่สัญญา และบริการต่าง ๆ หรือคำขอใช้บริการ หมายเลขสัญญา หรือหมายเลขอ้างอิง ข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ ชื่อผู้ชำระเงิน ผู้รับโอน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องตามสัญญา รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงหรือการทำธุรกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ วิธีการชำระเงิน รายละเอียดและประวัติการชำระเงิน หรือค่าบริการ หรือประวัติเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน รายละเอียดเกี่ยวกับการทำนิติกรรม และ/หรือผลประโยชน์ตามนิติกรรม รวมถึงการใช้สิทธิต่าง ๆ ภายใต้การทำนิติกรรม หรือใช้บริการอื่น ๆ ของบริษัท

        7.5 รายละเอียดทางเทคนิค เช่น Internet Portal Address (IP Address), Web Beacon, Log ประเภทของอุปกรณ์ รหัสอ้างอิงฮาร์ดแวร์ เช่น Universal Device Identifier (UDID) หรือ MAC Address รหัสอ้างอิงซอฟต์แวร์ เช่น ข้อมูลตัวระบุโฆษณาสำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (IDFA) หรือข้อมูลตัวระบุโฆษณาสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์(AAID) เครือข่าย รายละเอียดการเชื่อมต่อ รายละเอียดการเข้าถึง การเข้าถึงการใช้บริการของระบบด้วยการพิสูจน์ตัวตนเพียงครั้งเดียว (SSO) บันทึกการเข้าสู่ระบบ (Login Log) บันทึกเวลาการเข้าใช้ระบบ ระยะเวลาที่ใช้ในการเยี่ยมชมหน้าเพจของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบของลูกค้า ประวัติการค้นหา รายละเอียดการค้นหา ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ ที่ตั้งและตำแหน่งของเขตเวลา ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ปลั๊กอิน ระบบและแพลตฟอร์มปฏิบัติการ และเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ลูกค้าใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม

        7.6 รายละเอียดการตลาดและการสื่อสาร เช่น ความชื่นชอบของลูกค้าในการรับข่าวสารด้านการตลาดจากบริษัท บริษัทอาคเนย์กลุ่มธุรกิจประกันภัยและการเงิน และบริษัทย่อย บุคคลที่สาม คู่ค้าทางธุรกิจ และความชื่นชอบในการติดต่อสื่อสารของลูกค้ารวมถึง ข้อมูลการใช้เว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สินค้า และบริการของลูกค้า บันทึกถาม–ตอบ

        7.7 รายละเอียดโปรไฟล์ เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน โปรไฟล์ การใช้จ่าย รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ (ประวัติคำสั่ง การสั่งซื้อที่ผ่านมา ประวัติการซื้อ การยกเลิกคำสั่งซื้อลูกค้า คำสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ รหัสคำสั่งซื้อ) บันทึกทางการเงิน หมายเลขยืนยันตัวตน (PIN) ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ ความชื่นชอบ ผลตอบรับและผลการตอบแบบสำรวจ ผลสำรวจความพึงพอใจ การใช้โซเชียลมีเดีย รายละเอียดการเข้าร่วมกิจกรรม โปรแกรมสะสมคะแนน (Loyalty Program) การใช้รหัสส่วนลดและโปรโมชั่นของลูกค้า รายละเอียดคำสั่งซื้อของลูกค้า การบริการลูกค้า การเข้าร่วมนิทรรศการและงานแสดงสินค้า และรายละเอียดตามนิติกรรมสัญญา

        บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ดังต่อไปนี้

        7.8 ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการดำเนินคดีความทางแพ่งหรืออาญาของลูกค้า เช่น ประวัติอาชญากรรม บันทึกเกี่ยวกับการดำเนินคดีไม่ว่าทางแพ่ง อาญาหรือการดำเนินคดีอื่น ๆ

        7.9 ข้อมูลอัตลักษณ์ทางชีวภาพ (Biometric) เป็นต้น

8. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร

        บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (หากมี) ของลูกค้าผ่านกระบวนการ ดังนี้

        8.1 ข้อมูลที่ลูกค้าให้กับบริษัทโดยตรง เช่น ข้อมูลที่ปรากฏในใบคำขอทำธุรกรรมรวมถึงเอกสารประกอบคำขอทำธุรกรรม คำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลตามสัญญา คำขอใช้บริการหรือคำขอข้อมูลอื่น เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท ข้อมูลการร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการข้อมูลที่ใช้สมัครลงทะเบียนสร้างบัญชีการใช้งาน (Account) หรือโปรไฟล์ (Profile) กับบริษัทเพื่อใช้บริการของบริษัท ข้อมูลที่ลูกค้าติดต่อกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในรูปแบบหนังสือหรือการสนทนารวมถึงภาพและเสียง ตลอดจนข้อมูลที่ลูกค้าให้กับบริษัทผ่านการทำแบบสำรวจ การให้ข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลที่ลูกค้าเข้าใช้บริการ ณ ที่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานสาขา ศูนย์บริการลูกค้า หรือ บูธจัดแสดงสินค้าหรือบริการ เป็นต้น

        8.2 ข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บอัตโนมัติ เมื่อลูกค้าเข้าใช้บริการผ่านระบบของบริษัท หรือเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “คุกกี้” หรือเทคโนโลยีอื่นที่มีลักษณะการทำงานเดียวกัน

        8.3 ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก หรือข้อมูลสาธารณะที่เชื่อถือได้ กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data Providers) หรือหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ บริษัทอื่น หรือสมาคมหรือสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของลูกค้า

        8.4 ข้อมูลจากองค์กร หรือหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวกับลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเพื่อวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแลตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หน่วยงานภาครัฐ และ/หรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย

        8.5 ข้อมูลที่ลูกค้าติดต่อกับบริษัท พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน นายหน้าของบริษัท คนกลาง ผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการ คู่ค้าหรือพันธมิตรของบริษัท ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายจากบริษัทผ่านทางช่องทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การประชุม การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ VDO Call Service หรือโดยวิธีการอื่นใด ทั้งนี้บริษัทอาจเก็บข้อมูลในรูปแบบข้อความ ตลอดจนภาพและเสียง

        8.6 ข้อมูลที่ลูกค้าร่วมทำกิจกรรมกับบริษัท ในส่วนของกิจกรรมทางการตลาด การประกวด การจับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรืองานแข่งขันต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัท และ/หรือคู่ค้าหรือพันธมิตรที่ร่วมทำกิจกรรมกับบริษัท หรือบริษัทมอบหมายหรืออนุญาตให้ทำกิจกรรมดังกล่าว

        8.7 ข้อมูลผ่าน Line Official ของบริษัท บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้าเพิ่มเติม เบอร์โทรศัพท์มือถือ และ/หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ของผู้ขอใช้บริการที่มีการติดตั้งโปรแกรม Line Application สำหรับใช้บัญชี Line และ/หรือเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าด้วยวิธีการอื่นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับการบริการนั้น ๆ

        เมื่อลูกค้าตกลงและยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่บริษัท ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง สมาชิกในครอบครัว ผู้ชำระเงิน ผู้รับโอนหรือผู้รับผลประโยชน์ ผู้ค้ำประกัน เป็นต้น ลูกค้ารับรองและรับประกันว่าความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และลูกค้ารับรองและรับประกันว่าลูกค้าได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

        ตราบเท่าที่กฎหมายอนุญาต ลูกค้ายินยอมและตกลงให้บริษัทได้รับการชดใช้อย่างเต็มที่ต่อความเสียหายความสูญเสีย การลงโทษ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินคดีไม่ว่าในประกาศใด ๆ ซึ่งรวมถึงค่าปรับ เบี้ยปรับ ดอกเบี้ย เงินเพิ่มหรือเงินอื่น ๆ ที่เรียกเก็บหรือเรียกปรับโดยหน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจออกกฎระเบียบ อันเกิดจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำหรือการละเว้น ไม่กระทำของลูกค้า หรือของเจ้าหน้าที่ พนักงาน ผู้ให้คำปรึกษา ตัวแทนหรือผู้แทนของลูกค้า ความผิดหรือ ความประมาทเลินเล่อของลูกค้าในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น หรือส่งผลให้เราถูกกล่าวหา หรือลงโทษฐานฝ่าฝืนกฎหมายที่ใช้บังคับ

9. การตลาดและสิทธิพิเศษ (Marketing and Privilege)

        บริษัท อาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่แจ้งให้ลูกค้าทราบผ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้และภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย โดยบริษัทอาจจะใช้ชื่อ นามสกุล และข้อมูลการติดต่อ เช่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และรหัสไปรษณีย์ เพื่อ

        9.1 ส่งข้อความแจ้งสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงการเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการแบบ Cross Selling และ/หรือ Upselling

        9.2 โครงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Loyalty Program) หรือโครงการสิทธิพิเศษของลูกค้า (Privilege Program)

        9.3 กิจกรรมส่งเสริมการขายและสื่อสารทางการตลาด รวมถึงการประกวด การจับรางวัล จับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ และการแข่งขันต่าง ๆ ที่ลูกค้าสนใจเข้าร่วมกิจกรรม

        9.4 การบริจาคเพื่อกิจกรรมด้านการกุศล และ/หรือด้านอื่น ๆ ที่ไม่แสวงหากำไร

        การดำเนินการดังกล่าวข้างต้น บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแก่บุคลากร และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทเพื่อให้การดำเนินการใด ๆ นั้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ข้างต้น

        หากลูกค้าไม่ประสงค์รับข้อมูลข่าวสารการตลาดและสิทธิพิเศษสามารถแจ้งให้บริษัททราบได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถยกเลิกรับอีเมลเกี่ยวกับการตลาดได้โดยคลิกที่ลิงก์ยกเลิกการรับข้อมูล (Unsubscribe) ตามที่ปรากฏด้านล่างของอีเมลแต่ละฉบับ โดยบริษัทจะพยายามเร่งดำเนินการตามความประสงค์ของลูกค้าโดยเร็วที่สุด

10. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม

        10.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยฐานความยินยอมของลูกค้า ลูกค้ามีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของลูกค้าที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

        10.2 หากลูกค้าเป็นผู้เยาว์ตามประมวลแพ่งและพาณิชย์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย

        ลูกค้าอาจเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทั้งหมด หรือบางส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ ตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยการแจ้งให้บริษัททราบ

        หากลูกค้าเพิกถอนความยินยอมของลูกค้า ที่ลูกค้ายินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอันเนื่องมาจากเหตุผลหรือวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่สำหรับการดำเนินการด้านการตลาด บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ หรือบริการ และ/หรือบริหารจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการต่าง ๆ หรือความสัมพันธ์ และ/หรือบัญชีของลูกค้าที่มีกับบริษัทได้ ในกรณีนี้ลูกค้าอาจได้รับการร้องขอให้ยกเลิก หรือบอกเลิกสัญญา และ/หรือบริการ หรือบัญชีของลูกค้า หรือเพิกถอนลูกค้าออกจากโปรแกรมใด ๆ ก็ตามที่ลูกค้าเข้าร่วมอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ลูกค้าเสียประโยชน์ เนื่องจากลูกค้าอาจสูญเสียผลประโยชน์ที่อาจได้รับจากสัญญา และ/หรือการบริการหรือจากการเข้าร่วมโปรแกรมใด ๆ หรืออาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการยกเลิก หรือบอกเลิกสัญญา หรือลูกค้าอาจไม่ได้รับสิทธิ หรือ ความคุ้มครองในระดับเดียวกับความคุ้มครองตามเงื่อนไขเดิมในอนาคตได้อีก

11. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น

        11.1 บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากับ

        11.1.1 บริษัทที่อยู่ในกลุ่มซึ่งใช้ชื่อว่า “อาคเนย์กลุ่มธุรกิจประกันภัยและการเงิน” หรือ บริษัทแม่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม คู่ค้า หรือพันธมิตรทางการค้า (รายชื่อประกาศที่เว็บไซต์บริษัท) เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ ของบริษัทแก่ลูกค้า

        11.1.2 บุคคลหรือบริษัทใด ๆ ที่บริษัทมีการว่าจ้างเพื่อการประกอบธุรกิจของบริษัท รวมถึงบริษัทพันธมิตรและ คู่ค้าของบริษัทที่มีข้อตกลงร่วมกันตลอดจนบริษัทในเครือของพันธมิตรและคู่ค้าตามที่ปรากฏรายชื่อบนเว็บไซต์ของบริษัท

        11.1.3 ผู้ประกอบอาชีพ เช่น ผู้ขายทอดตลอด ผู้ให้บริการด้านความเสี่ยง (Risk intelligence providers) Area Checker บริษัทผู้บริการภายนอก หรือที่ปรึกษาวิชาชีพอื่นใดที่บริษัทว่าจ้างเพื่อให้บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท

        11.1.4 ตัวแทนหรือผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการด้านการจัดการข้อมูลทางการเงิน (Credit reference) การทวงถามหนี้ การสื่อสารโทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ การชำระเงิน การพิมพ์เอกสารของบริษัท การไถ่ถอน การจัดส่งเอกสารหรือการบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท

        11.1.5 บุคคล และนิติบุคคลอื่นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ อาทิ หน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ ศาล กรมบังคับคดี เป็นต้น รวมถึงผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง เช่น พันธมิตรและคู่ธุรกิจ ที่ปรึกษา ผู้ให้บริการทางวิชาชีพและบุคคลอื่นที่จำเป็น เป็นต้น เพื่อให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

        11.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของลูกค้าอย่างเหมาะสม เช่น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล การจัดทำข้อมูลนิรนาม เป็นต้น ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต้องทำเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

12. การส่งหรือโอนข้อมูลไปต่างประเทศ

        12.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังบุคคลอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ลูกค้าเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของลูกค้า หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของลูกค้าหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

        12.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของลูกค้าบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และบริษัทจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

        12.3 กรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าการด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองและลูกค้าสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีมาตรการปกป้องข้อมูลของลูกค้าอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

13. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร

        ในบางกรณี บริษัทอาจเข้าซื้อหรืออาจจำหน่ายธุรกิจ หรือมากกว่าหนึ่งธุรกิจหรือบางส่วนของธุรกิจของบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการนี้และเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับอนุญาตให้กระทำได้ ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอาจถูกโอนหรือเปิดเผยโดยเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายดังล่าว หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือเสนอขาย

        ในกรณีที่บริษัทซื้อธุรกิจ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากธุรกิจนั้นจะถูกดำเนินการตามคำแถลงว่าด้วยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้หากสามารถกระทำได้ในทางปฏิบัติและหากได้รับอนุญาตให้กระทำเช่นนั้นได้ ในกรณีของการขายธุรกิจ บริษัทจะระบุไว้ในสัญญาซื้อขายธุรกิจให้ผู้ซื้อดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเช่นเดียวกับที่กำหนดไว้ในคำแถลงตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

14. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

        14.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านานตราบเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความจำเป็นและวัตถุประสงค์ที่บริษัทจะต้องรวบรวมและประมวลผล ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับ

        14.2 บริษัทจะยังดำเนินการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าต่อไป แม้ว่าลูกค้าจะยุติความสัมพันธ์กับบริษัท เท่าที่จำเป็นตามข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อประโยชน์โดยชอบตามกฎหมาย หรือทำการเก็บในรูปแบบที่ทำให้ระบุตัวบุคคลไม่ได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น เทคนิคการทำ “แอนโนนีมัส” (Anonymous)

        14.3 ในส่วนนิติกรรมสัญญาบริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไม่เกิน 11 ปี นับแต่วันที่ลูกค้ายุติความสัมพันธ์ หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท โดยบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต

        14.4 เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาและอายุความที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ในรูปแบบที่เหมาะสมตามประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าต่อไปแม้จะพ้นอายุความตามกฎหมายแล้ว เช่น กรณีที่บริษัทต้องตรวจสอบข้อมูลของลูกค้ากับบุคคลที่ถูกกำหนด ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนด หรือกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น

        14.5 บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ไม่สามารถระบุชื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เป็นการถาวร หรือโดยประการอื่นเพื่อกำจัดข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอของลูกค้าให้บริษัททำการลบข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

15. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

         กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้กำหนดสิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย

        15.1 สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ (Right to be Informed) ลูกค้ามีสิทธิได้รับการแจ้งเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่ได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ช่องทางการติดต่อ

        15.2 สิทธิในการถอนความยินยอม (Right to withdraw consent) ในกรณีที่ลูกค้าได้ให้คำยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีผลใช้บังคับ) ลูกค้ามีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าถูกเก็บรักษาโดยบริษัท เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างบริษัทกับลูกค้าที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้าอยู่

        15.3 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right of access) ลูกค้ามีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาขอข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมจากลูกค้า เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของลูกค้าด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของลูกค้าจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

        15.4 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to rectification) หากลูกค้าพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน ลูกค้ามีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

        15.5 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to erasure) ลูกค้ามีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

        15.6 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability) ลูกค้ามีสิทธิที่จะขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังบุคคลอื่น หรือองค์กรอื่น หรือขอดูข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้โอนไปยังบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น เว้นแต่ บริษัทไม่สามารถดำเนินตามคำขอของลูกค้าด้วยเหตุผลทางด้านกฎหมาย หรือทางด้านเทคนิค

        15.7 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restrict of processing) ลูกค้ามีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้

        ก) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

        ข) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

        ค) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

        ง) เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

        15.8 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object) ลูกค้ามีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับลูกค้า เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท เป็นต้น

        15.9 สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Lodge a Complaint) ลูกค้ามีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวได้

        ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้กฎหมายว่าการด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวในกรณีที่กฎหมายกำหนด

16. การขอใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคล

        บริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องขอใช้สิทธิของลูกค้าโดยเร็วที่สุด โดยลูกค้าสามารถนำส่ง “แบบคำร้องการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” พร้อมแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาที่บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด หรือศูนย์ดูแลลูกค้า หรือตามช่องทางที่บริษัทกำหนด

        บริษัทมีสิทธิทั้งปวงและดุลยพินิจแต่เพียงผู้เดียวในการตอบรับเพื่อดำเนินการตามคำขอ หรือปฏิเสธคำขอของลูกค้า อีกทั้งบริษัทยังมีสิทธิปฏิเสธคำขอของลูกค้าด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ซึ่งบริษัทจะแจ้งการปฏิเสธและเหตุผลในการปฏิเสธให้ลูกค้าทราบตามที่อยู่ อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ที่ลูกค้าแจ้งให้บริษัททราบในขณะขอใช้สิทธิข้อมูลส่วนบุคคล

17. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

        บริษัทให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นลำดับแรก เช่น การเข้ารหัส และการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าบุคลากรของบริษัทและบุคคลภายนอกที่ดำเนินการในนามของบริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงหน้าที่ในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และบริษัทใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับการประมวลผลข้อมูล

        บริษัทได้มีการทบทวน ปรับปรุงขั้นตอนและมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้เป็นปัจจุบันสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ระดับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และให้การรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล ความสมบูรณ์ ความพร้อมใช้งานและความคล่องตัวในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปกป้อง การสูญหายและการเก็บรวบรวม การเข้าถึง การใช้ การดัดแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้บริษัทจะนำมาตรการต่าง ๆ ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทมาใช้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทุกประเภท ไม่ว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะเป็นทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือรูปแบบเอกสารก็ตาม

        บริษัทรับรองว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้จะถูกเก็บและรักษาไว้อย่างมั่นคงและปลอดภัยภายใต้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด หากลูกค้ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าถูกละเมิด หรือหากลูกค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดที่ปรากฏภายใต้นโยบายฉบับนี้

18. การใช้ไฮเปอร์ลิงก์และคุกกี้ (Hyperlinks and Cookies)

        เว็บไซต์ของบริษัทอาจมี “ไฮเปอร์ลิงก์” หรือตัวเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก ซึ่งบริษัทไม่สามารถควบคุมเนื้อหา ความถูกต้อง ความเห็นที่แสดงออก และลิงก์ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกดังกล่าว หรือวิธีที่เว็บไซต์ของบุคคลภายนอกดังกล่าวมีการจัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างไร ดังนั้น ลูกค้าควรเข้าชมเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นเพื่อศึกษารายละเอียดของนโยบายความเป็นส่วนตัว หรือนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทอาจใช้ “คุกกี้” เพื่อปรับปรุงบริการอินเทอร์เน็ตของบริษัท คุกกี้เป็นไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่จัดเก็บโดยอัตโนมัติบนเว็บเบราว์เซอร์ในคอมพิวเตอร์ของลูกค้าซึ่งเว็บไซต์ของบริษัทสามารถเรียกดูได้ และคุกกี้ยังช่วยให้เว็บไซต์ของบริษัทจดจำลูกค้าและรายการที่ลูกค้าชอบ หรือมักใช้เป็นประจำเมื่อลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ข้อมูลที่บริษัทรวบรวมโดยคุกกี้ คือข้อมูลตั้งค่าส่วนบุคคลแบบไม่ระบุตัวตน ดังนั้น จะไม่มีข้อมูลที่เป็นชื่อ ที่อยู่หรือข้อมูลอื่นใดที่ทำให้บุคคลใด สามารถติดต่อลูกค้าได้ทางโทรศัพท์ อีเมล หรือวิธีการอื่น ๆ และไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ในคุกกี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถปิดการใช้คุกกี้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าเว็บเบราว์เซอร์ของลูกค้า แต่การปิดการใช้งานอาจส่งผลต่อลูกค้าในการใช้งานเว็บไซต์ หรือบริการออนไลน์ของบริษัท อาจทำให้ลูกค้าทำธุรกรรมกับบริษัทผ่านเว็บไซต์ของบริษัทได้ยาก และบริษัทอาจต้องใช้เวลาในการขอข้อมูลเพิ่มเติม

19. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

        บริษัทได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อตรวจสอบการดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าการด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบาย ระเบียบ ประกาศ คำสั่งของบริษัท รวมทั้งประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียด “ข้อมูลการติดต่อบริษัท”

20. ข้อมูลการติดต่อบริษัท

        หากลูกค้ามีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือลูกค้าต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายว่าการด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

        ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

        บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด

        184 ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

        ศูนย์ดูแลลูกค้า โทร. 1726 อีเมล 1726@segroup.co.th


        เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)

        บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด

        184 ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

        อีเมล dposeg@segroup.co.th

21. รายชื่อบริษัทพันธมิตรและคู่ค้าและการขอคำยินยอม

        เพื่อให้การปฏิบัติงานและการดำเนินธุรกิจของ บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายว่าการด้วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเท่าที่จำเป็น ให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มซึ่งใช้ชื่อว่า “อาคเนย์กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน” หรือ บริษัทแม่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม คู่ค้า หรือพันธมิตรทางการค้า (รวมกันเรียกว่า “พันธมิตร”) โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นใดที่เห็นว่ามีประโยชน์ต่อลูกค้า รวมถึงให้พันธมิตรภายในกลุ่มดังกล่าวนี้ จัดเก็บ รักษาและบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แต่ละบริษัทกำหนดขึ้น

        ลูกค้าสามารถแจ้งขอยกเลิกการให้คำยินยอมทั้งหมดหรือเพิกถอนบางบริษัทพันธมิตรที่ลูกค้าไม่ประสงค์ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ตลอดเวลาให้บริษัททราบตาม “ข้อมูลที่ติดต่อบริษัท” ปรากฏในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

22. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

        บริษัท อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์บริษัท โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ลูกค้าโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่นี้อย่างสม่ำเสมอผ่านแอปพลิเคชัน หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ลูกค้าจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท

        การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทภายหลังจากการบังคับใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโบบายความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากลูกค้าไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ และโปรดติดต่อมายังบริษัทเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

cookie

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (cookies) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น เมื่อคุณกด “ยอมรับทั้งหมด” เราจะสามารถวิเคราะห์การใช้เว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภทได้ตามที่คุณต้องการโดยกดปุ่ม “ตั้งค่าคุกกี้” โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นโยบายการใช้คุกกี้